10 ที่เที่ยวตามรอยซีรีส์ Game of Thrones

      ซีรี่ย์ดัง Game of Thrones ที่คนติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองและทั่วโลก มีโลเกชั่นหลักที่ เกาะไอร์แลนด์เหนือ (North Island) และ เบลฟัสต์ (Belfast) สถานที่ถ่ายทำทุกแห่งก็กลายมาเป็นเดสติเนชั่นสถานที่ท่องเที่ยวที่แฟนละครอยากจะไปพิสูจน์ความงามและความอลังการว่าของจริงนั้นจะสวยงามมากหรือน้อยกว่าในจอขนาดไหน

1. สวนป่าทอลลี่มอร์ (Tolly More Forest Park)
เมืองไบรอันสฟอร์ด(Bryansford) 



     สถานที่ถ่ายทำป่าหลอกวิญญาณหลอน (The Haunted Forest) ผืนป่าธรรมชาติที่ใหญ่กว่า 600 เฮคเตอร์ในเขตภูเขามอร์น (Mourne Mountain) มีธรรมชาติสวยงามและเส้นทางเดินชมธรรมชาติหลายเส้นที่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนชื่อในละคร เส้นทางเดินยอดนิยม คือ ทางลัดเลาะริมแม่น้ำชิมนา (Shimna River) ทางเดินผ่านซุ้มประตู กำแพง และถ้ำที่ได้รับการออกแบบให้เหมือนเดินผ่านเข้าสู่โลกยุคอัศวิน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าสวนแห่งนี้จะถูกลิสต์เป็นฉากสำคัญฉากหนึ่ง

2. ซากปรักหักพังของสำนักสงฆ์อินช์ (Inch Abbey)
เมืองดาวน์แพทริค (Downpatrick) 


     ซากปรักหักพังของสำนักสงฆ์โบราณยุคศตวรรษที่ 12 ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคอยล์ (Quoile River) มีร่องรอยของการออกแบบสไตล์โกธิค สำนักสงฆ์แห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากที่ร็อบบ์ สตาร์ค (Robb Stark) ตั้งแคมป์และประกาศอำนาจเป็นกษัตริย์แห่งทิศเหนือ (The King of North) นอกจากนั้นในบริเวณแม่น้ำคอยล์ก็ยังใช้เป็นฉากที่ถ่ายงานศพของฮอสเตอร์ทัลลี่ (Hoster Tully) อีกด้วย

3. ปราสาทวอร์ด (Castle Ward)
เมืองดาวน์แพทริค (Downpatrick) 


     สถานที่ถ่ายทำปราสาทแห่งอาณาจักรวินเทอร์เฟล (Winterfell) อาคารเก่าแก่สไตล์โกธิคที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติ สร้างขึ้นมาในยุคศตวรรษที่ 18 มีจุดชมวิวสวยงามที่สามารถมองเห็นทะเลสาบสแตรนจ์ฟอร์ด (Strangford Lough) และยังล้อมรอบไปด้วยสวนสวยกว่า 332 เฮคเตอร์ และป้อมหอคอยเก่า ปราสาทแห่งนี้เปิดให้เข้าชมได้ ภายในมีส่วนของห้องฉายภาพยนตร์ ร้านค้า และร้านอาหารไว้คอยให้บริการผู้มาเยือน

4. เดอะดาร์คเฮดจ์ (The Dark Hedges)
เมืองบัลลี่มันนี่ (Ballymoney)


    ถนนสายต้นบีช (Beech Tree) อันสวยงามที่เป็นฉากถ่ายทำถนนของกษัตริย์ (King’s Road) ต้นบีชเหล่านี้ได้รับการปลูกและจัดแต่งให้เป็นซุ้มโค้งสองข้างถนนโดยครอบครัวสจ๊วต (Stuart Family) ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ไม่น่าแปลกใจเลยว่าซุ้มกิ่งต้นบีชที่โค้งสวยงามอายุหลายร้อยปีจะสร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นจนได้มาเป็นฉากในละครดัง ที่สำคัญทริปขับรถชมวิวลอดซุ้มกิ่งบีชที่ถนนเส้นนี้ก็นับว่าฮ็อตฮิตมาแต่ไหนแต่ไร และเป็นแลนด์มาร์คอันดับต้นๆ ของไอร์แลนด์เหนือด้วย

5. ถ้ำคุชเช็นดัน (Cushendun Caves)
เมืองคุชเช็นดัน (Cushendun)


     ถ้ำริมทะเลในหมู่บ้านคุชเช็นดัน ที่ใช้เป็นฉากถ่ายทำสถานที่เกิดของทารกแห่งเงา (Shadow Baby) และฉากที่ดาวอส ซีเวิร์ธ (Davos Seaworth) กับเลดี้เมลิซานเดร (Lady Melisandre) ขึ้นฝั่ง ถ้ำแห่งนี้มีอายุทางธรณีวิทยากว่า 400 ล้านปี รู้จักกันในชื่อท้องถิ่นว่าถ้ำแดง (Red Cave) ในบริเวณรอบๆ เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก และเป็นที่ตั้งของอาคารบ้านเรือนยุคเก่ามากมาย เช่น คฤหาสน์เกลนมอนา (Glenmona House) โบสถ์เก่าแห่งคุชเช็นดัน (Cushenden Old Church) และซากปราสาทคารา (Castle Cara)

6. บัลลี่คาสเซิล (Ballycastle)


     เมืองชายฝั่งขนาดเล็กทางตะวันออกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์ ถึงแม้เมืองนี้จะไม่มีที่เที่ยวมากมาย แต่ก็เป็นจุดชมวิวริมทะเลแบบชิลๆ เป็นเมืองทางผ่านที่ไม่ควรขับผ่านเลย เพราะชายฝั่งเมืองนี้สวย แถมร้านค้า ร้านอาหารริมท่าเรือที่นี่ก็น่านั่ง เรียกว่าเป็นจุดแวะพักนักเดินทางของเส้นทางตามรอยเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

7. บัลลินทอย (Ballintoy)


     หมู่บ้านชาวประมงและเมืองชายฝั่งอีกเมืองที่เป็นโลเกชั่นของเมืองลอร์ดสพอร์ต (Lordsport) บัลลินทอยมีเขตเวิ้งอ่าวที่มีความสวยงาม เป็นจุดถ่ายรูปแบบพาโนรามายอดนิยม หากยังนึกไม่ออกว่าฉากไหนหนอ ขอเฉลยว่าเป็นที่ธีออน (Theon) เดินทางกลับสู่เกาะเหล็ก (Iron Island) และไม่ต้องห่วงด้วยว่าคุณจะหลงทาง เพราะเมื่อเข้าเขตหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว คุณจะเห็นป้ายจุดท่องเที่ยวที่มีตัวละครเรื่องนี้ตั้งอยู่อย่างเด่นชัด ไม่หลงชัวร์!

8. ชายหาดดาวน์ฮิลล์ (Downhill Strand)
เมืองโคเลอแรน (Coleraine)


     ใกล้กับสนามบินเมืองเดอรี่ (Derry) และสนามบินเบลฟัสต์ หนึ่งในชายหาดที่มีความยาวมากที่สุดของไอร์แลนด์เหนือ หาดแห่งนี้มีความยาวกว่า 7 ไมล์ และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโบราณดาวน์ฮิลล์ (Downhill Village) ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ราวปีค.ศ. 1776 ซึ่ง ณ หมู่บ้านแห่งนี้ก็มีซากคฤหาสน์โบราณบนเนินเขา (Downhill House) ให้ได้ไปชมและถ่ายรูปวิวสวยๆ นอกจากนั้นที่ยังมีซากวัดโบราณมุสเซนเด็น (Mussenden Temple) ที่ในอดีตถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นห้องสมุด วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาริมทะเล ซึ่งบริเวณโดยรอบที่นี่ใช้เป็นฉากของหินมังกร-ดราก้อนสโตน (Dragonstone)

9. ปราสาทดันลูซ (Dunluce Castle)
เมืองบุชมิลส์ (Bushmills)


ซากปราสาทโบราณยุคเมดิอิวัลที่ตั้งอยู่บนหน้าผาหินบะซอลต์ริมน้ำ การเข้าไปยังตัวปราสาทนั้นมีสะพานเชื่อมต่อตัวปราสาทกับแผ่นดินใหญ่ ในปัจจุบันเป็นจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่จะมีไกด์พาเที่ยวชมปราสาทด้านใน ปราสาทแห่งนี้เป็นฉากของอาณาจักรเวสเทรอส (Kingdom of Westeros)

10. ไจแอนท์คอสเวย์ (Giant Causeway)
เมืองบุชมิลส์ (Bushmills) 


     แนวหินภูเขาไฟริมทะเลที่ยาวกว่า 4.8 กิโลเมตร เป็นเขตมรดกโลก หินภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์เหล่านี้ถูกลมและน้ำกัดกร่อนจนเกิดเป็นรูปร่างคล้ายก้อนอิฐสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ตั้งซ้อนกันเป็นทางเดินลัดเลาะและยื่นเข้าไปในทะเล สามารถเดินบนก้อนหินเหล่านี้ได้ เป็นจุดชมวิวสวยงามและเป็นมหัศจรรย์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำที่อลังการของซีรี่ย์ดังเรื่องนี้ที่ห้ามพลาดการไปชมด้วยตาตัวเองสักครั้ง










รวม 10 ที่เที่ยวมหัศจรรย์ในอาเซียน

      10 สุดยอดที่เที่ยวมหัศจรรย์ ในอาเซียน แต่ล่ะที่นั้นล้วนมีความงามและมีเสน่ห์แตกต่างกันไป เรามาดูกันว่าประเทศเพื่อนบ้านเรานั้นมีที่ไหนน่าไปเที่ยวกันบ้าง

01. Angkor Wat Temple ประเทศ Cambodia
     นครวัด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่มีความสวยงามทางด้านศิลปะวัฒนธรรมโบราณของชาวกัมพูชาเป็นศาสนสถานที่สำคัญของชาวกัมพูชา และเป็นความภาคภูมิใจของชาวกัมพูชา จนมีคำพูดหนึ่งว่า ชีวิตหนึ่งต้องไป นครวัดสักครั้ง เพื่อไปชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของปราสาทต่างๆภายในนครวัด รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมต่างๆภายใน



02. Bali ประเทศ Indonesia
     บาหลี เป็นเมืองที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ทางด้านศิลปะวัฒนธรรมประจำตัวอย่างโดดเด่นมาก หลายๆประเทศทั่วโลกต่างชื่นชอบศิลปะแบบบาหลี ผู้คนจากทั่วโลกจึงต้องการเดินทางไปชมศิลปะบาหลีที่แท้จริง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของบาหลีมีมากมาย เช่น วิหารอูลันดานูบราตัน วัด 5ศาสนา เป็นต้น 


03. Boracay Island ประเทศ Philippines
     เกาะหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ อยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางทิศใต้ประมาณ 315 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่ออย่างมาก โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 2012 เกาะแห่งนี้ได้รับการโหวตจากนิตยสารทราเวล + เลเชอร์ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกมาแล้ว  นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นจุดมุ่งหมายปลายทางที่สงบเงียบและเป็นแหล่งบันเทิงยามราตรีที่ยอดเยี่ยม อีกด้วย


04. Mount. Bromo ประเทศ Indonesia
     ภูเขาไฟโบรโม่ ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีบนมงกุฎของชวาตะวันออก อีกทั้งที่นี่ยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โดยภูเขาไฟโบรโม่นั้น คือภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท 1 ใน 400 ลูกของ อินโดนีเซีย ทำให้ยังมีควันโพยพุ่งออกมา เป็นทัศนียภาพที่แปลกตา และสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง จึงเป็นจุดมุ่งหมายในฝันของใครหลายๆคนที่อยากจะมาเยือนที่นี่สักครั้ง


05. Halong Bay ประเทศ Vietnam
     สถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นอกจากจะได้ล่องเรือชมวิวทิวทัศน์อันสุดยอดแล้ว คุณจะได้พบกับกิจกรรมผจญภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปีนหน้าผา หรือพายเรือคายัคและมีน้ำทะเลสีสวยสดใส สวยงามสุดๆให้ความรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขแก่ผู้ที่มาเยือน


06. Pukam ประเทศ Myanmar
     พุกาม เมืองแห่งทะเลเจดีย์ ของประเทศพม่า ที่นี่มีศาสสถานที่สำคัญและยิ่งใหญ่อยู่มากมายหลายที่ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เก่าแก่มีประวัติความเป็นมา มาอย่างยาวนานหลายร้อยปี ใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่นี่ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคุณเป็นอย่างมาก แถมยังอยู่ติดกับประเทศไทยเราเดินทางได้ไม่ยาก ควรหาโอกาศไปเยือนสักครั้งโดยแนะนำให้ใช้บริการบอลลูนในการเยี่ยมชมทะเลเจดีย์จะได้ภาพความสวยงามและมหัศจรรย์อย่างมาก


07. Mui Ne ประเทศ Vietnam
     ประเทศเวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่มีครบทุกสภาพภูมิประเทศจริงๆ และที่มุ่ยเน่นี้เองก็คือภูมิประเทศแบบทะเลทรายในเวียดนาม โดยทะเลทรายมุ่ยเน่นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยว ที่มักจะหาเครื่องแต่งกายเก๋ๆมาถ่ายรูปบนทะเลทราย โดยไม่ต้องไปไกลถึงตะวันออกกลางก็สามารถเที่ยวทะเลทรายได้ ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างแท้จริง


08. Sabah ประเทศ Malaysia
     เกาะซาบาห์เป็นหนึ่งในสองรัฐของมาเลเซียบนเกาะบอร์เนียว ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูง และมีทรัพยากรทางทะเลที่สวยงามและสมบูรณ์มาก โดยมีโกตาคินาบาลู เป็นเมืองหลวงของรัฐ ที่นี่มีชายหาดที่สวยงามติดอันดับโลกเป็นจุดเด่น นอกจากนี้ยังมีภูเขาคินาบาลูภูอันยิ่งใหญ่และสวยงามอยู่ที่นี่เช่นกัน นับเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง


09. Sapa ประเทศ Vietnam
     เมืองแห่งธรรชาติทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ที่มีการทำนาขั้นบันไดเป็นแนวยาวอย่างสวยงาม อากาศที่นี่จึงดีตลอดทั้งปีเพราะยังมีธรรมชาติป่าไม้อันอุดมสมบุรณ์ แถมในช่วงหน้าหนาวนั้นยังมีหิมะตกปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่อีกด้วย หากใครอยากเจอหิมะจริงๆไม่ต้องไปไกลอีกต่อไปแล้วเพราะประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนามก็มีหิมะตกเช่นกัน


10. VangVieng ประเทศ Laos
     วังเวียงเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ที่กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในขณะนี้ ด้วยวิถีชีวิตการกินอยู่กับธรรมชาติและเรียบง่าย เป็นเสน่ห์ของเมืองนี้ อีกทั้งยังมีธรรมชาติอันแสนงดงามที่ยังคงอุดมสมบุรณ์อย่างมาก และไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบที่สุดนั่นคือสระ Blue Lagoon แห่งวังเวียงนั้นเอง


Teufelsbrücke

     Teufelsbrücke Schollenen Gorge is located opposite the picturesque Reuss valley in the canton of Uri in Switzerland. According to legend, it is very difficult to build a bridge here.


     The Schöllenen Gorge is an important access route and the shortest transit to the St. Gotthard Pass, but it was generally not used until the early 13th century because it involved crossing the turbulent Reuss river, swollen with snowmelt during the early summer. The first bridge across the river was built in 1230. It was a wooden bridge and needed frequent maintenance.


     In the 16th century, the wooden bridge was replaced by a stone arch bridge. The road was essentially a mule track that only allowed for the transportation of goods by mule, up to the beginning of the 19th century. In 1799, this bridge witnessed one of the most dramatic battles of Suvorov's Italian and Swiss expedition which took place during the Napoleonic Wars. During this battle the bridge was heavily damaged by the retreating French army. The bridge gave away in a storm in 1888.


     A new bridge was built in 1820 and it took 10 years to complete, demonstrating the difficulty of the task. By the middle of the 20th century, the second bridge was no longer able to handle the volume of traffic it received, and a concrete bridge, featuring two lanes was built in 1958 to accommodate heavier flow. The second devil's bridge still exists today but is not used.


     In 1994, the Swiss government issued a commemorative coin for the Teufelsbrücke. The obverse features a stylized scene of the devil holding the devil's stone - the Teufelsstein - approaching the bridge to smash it. The 220 ton rock, allegedly picked up by the devil, is still there, though it had to be moved by 127 meters in order to make room for the new Gotthard road tunnel.



Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...